วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

ทังสเตนคืออะไร?

ทังสเตน /tʌŋstən/, หรือที่เรียกว่า Wolfram / ​​wʊlfrəm / ซึ่งเป็นองค์ประกอบทางเคมีที่มีสัญลักษณ์ของ W และเลขอะตอม 74 โลหะทังสเตนเป็นหนักโลหะหายากที่มันจะถูกพบตามธรรมชาติบนโลกเพียงแห่งเดียวในสารประกอบทางเคมีเช่นทังสเตนออกไซด์ ตอนนี้ส่วนใหญ่ของการทำเหมืองแร่ทังสเตนที่พบในประเทศจีน
โครงสร้างอะตอมของทังสเตนทังสเตนถูกระบุว่าเป็นองค์ประกอบใหม่ใน 1781 และมันก็แยกออกเป็นครั้งแรกที่ทำด้วยโลหะใน 1783 มีสองแร่ทังสเตนที่สำคัญรวมถึง wolframite และ scheelite ทังสเตนมีจุดหลอมเหลวสูงที่สุดของทั้งหมดที่ไม่ใช่โลหะอัลลอยด์และจุดหลอมเหลว 2 สูงสุดของทุกองค์ประกอบหลังจากคาร์บอน นอกจากนี้โลหะทังสเตนมีความหนาแน่นสูงของ 19.3 กรัม / ซีซีซึ่งเป็นที่เทียบเท่ากับที่ของยูเรเนียมและทองและมันก็เป็นมากขึ้นประมาณ 2 เท่ากว่าของตะกั่ว
แอมโมเนียม metatungstate (AMT), โซเดียมทัง; ที่สุดของสารประกอบทางเคมีทังสเตนออกไซด์ของทังสเตนและ trioxides ทังสเตน (WO3) ออกไซด์ทังสเตนมีชื่อเสมอสินค้าขั้นกลางทังสเตนพวกเขากรด tungstic, paratungstate แอมโมเนียม (APT เนื้อหาทังสเตนออกไซด์ 88.5%) ส่วนที่ ทังสเตนออกไซด์สีเหลือง (YTO), ทังสเตนออกไซด์สีฟ้า (BTO), ทังสเตนออกไซด์ (WO3), ทังสเตนออกไซด์สีม่วง (VTO)สารประกอบทางเคมีทังสเตนอื่น ๆ ที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มักจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทังสเตนมีสารประกอบ tungstic, ทังสเตนออกไซด์บริสุทธิ์ทังสเตนออกไซด์บริสุทธิ์พิเศษ (ทังสเตนออกไซด์กลั่น) ทังสเตนออกไซด์สีเหลืองสีเขียวสารประกอบกรด Tungstic (กรดปราศจาก Wolframic, สารประกอบกรด Wolframic) เป็น ทังสเตน puratronic (vi) ออกไซด์ ฯลฯ
โลหะทังสเตนมันยังเป็นชื่อของทังสเตนบริสุทธิ์บริบูรณ์ธาตุรูปแบบของทังสเตนส่วนใหญ่จะใช้ในการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าเช่นโดดเด่นที่สุดในทังสเตนไส้หลอดไฟไส้หลอด X-ray (เป็นทั้งไส้หลอดทังสเตนและเป้าหมายทังสเตน) ทังสเตน ขั้วไฟฟ้าและโลหะทังสเตนใช้เสมอในเหล็กทังสเตน
ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดเผาทังสเตนจะทำโดยวิธีการของผงโลหะ (PM), ผงทังสเตนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดวัตถุดิบและเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับผลิตภัณฑ์โรงสีทังสเตน ผงทังสเตนที่ทำจากทังสเตนออกไซด์และโดยการคั่วและให้ความร้อนในบรรยากาศไฮโดรเจน ความบริสุทธิ์ออกซิเจนขนาดเม็ดมีความสำคัญมากสำหรับผงทังสเตน ด้วยการผสมผงองค์ประกอบอื่น ๆ , ผงทังสเตนสามารถทำให้เป็นความหลากหลายของโลหะผสมทังสเตน อีกโปรแกรมที่สำคัญของผงทังสเตนที่ทำจากทังสเตนคาร์ไบด์ผงซึ่งเป็นวัสดุที่สำคัญของทังสเตนคาร์ไบด์ผลิตภัณฑ์เผา Madding
โลหะทังสเตนมีโลหะผสมที่แตกต่างกันจำนวนมากที่มีการใช้งานจำนวนมาก โลหะผสมทังสเตนมักจะเรียกว่าโลหะผสมซุปเปอร์สำหรับความหนาแน่นสูงและ TRS ที่ดีของโลหะผสมทังสเตนอาจนำมาใช้เป็นใช้งานทางทหารในขีปนาวุธแหลมอากาศยานและชิ้นส่วนเครื่องบินไอพ่น 'เฮลิคอปเตอร์เครื่องบินและแผ่นทำลายเฮลิคอปเตอร์และรองเท้าของเราและ โลหะผสมทังสเตน คัน Swaged ที่มีคุณสมบัติทางกายภาพที่สมบูรณ์แบบสามารถใช้สำหรับกระสุนของขีปนาวุธ antitank และกระสุนทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งก้อนโลหะผสมทังสเตนสามารถใช้สำหรับการระเบิดสมาร์ท (เช่น AHEAD); และใช้งานทางทหารอื่น ๆ นอกจากนี้ยังใช้โลหะผสมทังสเตนเสมอเป็นถ่วงโลหะผสมทังสเตนและทังสเตนน้ำหนักสมดุลผสมโปรแกรมหลักของโลหะผสมทังสเตนมีดังต่อไปนี้:
โทรศัพท์เคลื่อนที่ ทังสเตนมือถือก้อนโลหะผสมคุณสมบัติของทังสเตนทังสเตนองค์ประกอบ
ชม ทังสเตนบ็อบนาฬิกาข้อมือโลหะผสม
คอมพิวเตอร์ โลหะผสมทังสเตน sinks ความร้อนสำหรับ PCB
 ทังสเตนฐานความร้อนโลหะผสมสำหรับ PCB 
ชุดลูกดอก ทังสเตนบิลเลตโผโลหะผสมทังสเตนบาร์เรลโผโลหะผสม
กอล์ฟ ทังสเตนกอล์ฟโลหะผสม
เรือยอชท์ ทังสเตนสมดุลเรือยอชท์อัลลอยด์
ประมง ทังสเตนตะกั่วตกปลาผสม
ปืนล่าสัตว์ ภาพโลหะผสมทังสเตนและลูกกระสุนปืนล่าสัตว์ของ '
 ทังสเตนโลหะผสมน้ำหนักลูกกลิ้งสำหรับเมตร,
รถแข่ง &
มอเตอร์
 โลหะผสมทังสเตนสมดุลสำหรับรถแข่ง
 crankshafts โลหะผสมทังสเตนสำหรับเครื่องยนต์มอเตอร์และรถยนต์
บ้าน ทังสเตนน้ำหนักกระดาษโลหะผสม
เครื่องบิน โลดโผน bucking บาร์สำหรับเครื่องบิน
เรือดำน้ำ ซีลโลหะผสมทังสเตนสำหรับเรือดำน้ำ
 ทังสเตนโลหะผสม counterweigh สมดุลสำหรับเรือดำน้ำ
tungsten structureความหนาแน่นสูงทังสเตนโลหะหนักมีการใช้ในเครื่องมือทางการแพทย์ (เช่นเครื่อง X-ray, เครื่องรังสีแกมม่า) เป็นกันอย่างแพร่หลายที่สำคัญที่สุดของโลหะผสมทังสเตนในทางการแพทย์ใช้เป็นวัสดุป้องกันรังสีเช่นทังสเตนยึดทรัพยากรอัลลอยด์ รังสีโลหะผสมทังสเตนป้องกันสำหรับยูเรเนียมยูเรเนียม (DU) การป้องกันโล่ โลหะผสมทังสเตนป้องกันสำหรับ X-ray และรังสีแกมม่าหลังจากที่ออกจากสถานีผงยูเรเนียมญี่ปุ่น, ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดสำหรับโลหะผสมทังสเตนป้องกันรังสีเป็นวัสดุจากสิ่งที่เป็น "พลาสติกทังสเตน" สำหรับการใช้เสื้อโค้ทป้องกันทังสเตนผงยูเรเนียม สถานี
Putty ทังสเตนเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมใหม่สำหรับการประยุกต์ใช้ในการชั่งน้ำหนักเช่นทำให้จมประมงทังสเตนน้ำหนักรถแข่งเช่นและฉาบทังสเตนสำหรับรถยนต์ไพน์วู้ดาร์บี้ ฉาบทังสเตนเป็นวัสดุที่ทำจากผงทังสเตนและโพลีเมอเครื่องผูกความหนาแน่นต่ำสุดของการฉาบทังสเตนเป็นสีโป๊ว 10g/cm3.Tungsten จะไม่แข็งและง่ายต่อการปั้นและรูปร่างในรูปแบบใด ๆ เพื่อให้คุณสามารถมีการออกแบบที่คุณต้องการใด ๆ และเป็นเรื่องง่ายที่จะใช้และจะไม่แห้งออกแม้หลังจากหลายสัปดาห์ที่สัมผัสกับอากาศและแสงแดด
ความแข็งสูงเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่สำคัญของโลหะทังสเตนคาร์ไบด์ทังสเตน คือการใช้งานที่สำคัญของทังสเตนคาร์ไบด์ทังสเตนเสมอเรียกว่าฟันของอุตสาหกรรมที่ทันสมัย
ทังสเตนคาร์ไบด์มีชื่อเป็นคาร์ไบด์ซีเมนต์หรือคาร์ไบด์ทังสเตนปะติดปะต่ออื่นมีอีกหลายประเภทของคาร์ไบด์ทังสเตนที่นิยมมากที่สุดเช่นคาร์ไบด์ทังสเตนเครื่องมือตัดทังสเตนคาร์ไบด์เครื่องมือขุดเจาะ, ทังสเตนคาร์ไบด์ปิดผนึกและเครื่องมือคาร์ไบด์ทังสเตนสี, รูปแบบหลักของคาร์ไบด์ทังสเตนเป็นแท่งคาร์ไบด์ทังสเตนคาร์ไบด์ทังสเตนเคล็ดลับทังสเตนคาร์ไบด์บาร์ แทรกคาร์ไบด์ทังสเตนคาร์ไบด์แผ่นทังสเตนคาร์ไบด์ซีลทังสเตนคาร์ไบด์ทังสเตนปุ่มลูกคาร์ไบด์ทังสเตนคาร์ไบด์ทังสเตนเม็ดและคาร์ไบด์ทังสเตนตาย
ทังสเตนทองแดงโลหะผสม (WCU) คือหลอกโลหะผสมของทังสเตนและทองแดงเป็นพวกเขาจะไม่ละลายน้ำร่วมกันวัสดุที่ประกอบด้วยอนุภาคที่แตกต่างของโลหะหนึ่งแยกย้ายกันไปในเมทริกซ์ของอีกคนหนึ่ง จุลภาคของทองแดงทังสเตนดังนั้นจึงเป็นเรื่องค่อนข้างคอมโพสิตเมทริกซ์โลหะโลหะผสมกว่าจริง ทองแดงทังสเตนรวมคุณสมบัติของโลหะทั้งที่ทนความร้อนนูทนความร้อนสูงและระบบไฟฟ้าที่นำไฟฟ้าได้และง่ายต่อการใช้เครื่อง กระสุนทังสเตนแล้วทองแดงทังสเตนจะใช้เมื่อมันต้องทนความร้อนสูงการขยายตัวของความร้อนต่ำและการนำไฟฟ้าหรือความร้อนสูง ทองแดงทังสเตนจะใช้เพื่อให้เครื่องยนต์และอุปกรณ์ไฟฟ้า นอกจากนี้ทองแดงทังสเตนที่ใช้ในการบิน, ขั้วไฟฟ้า sinks ความร้อนชิ้นส่วนจรวดและการติดต่อไฟฟ้าที่ใช้ในการติดต่อสำหรับอุปกรณ์ทั้งสูงและไฟฟ้าแรงดันต่ำ กระบวนการผลิตของทองแดงทังสเตนคือการกดและเผาคาร์ไบด์ทังสเตนหรือทังสเตนที่อุณหภูมิสูงแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มที่มีทองแดงและทองแดงทังสเตนเครื่องกับรูปแบบที่คาดหวัง
China Tungsten ได้รับการเสนอการออกแบบการผลิตจากทังสเตนบริสุทธิ์ทังสเตนและผลิตภัณฑ์โลหะผสมทังสเตนให้มากขึ้น 1000 กับลูกค้าเป็นหมื่นชนิดผลิตภัณฑ์ทังสเตนประสบความสำเร็จจากปี 1997 หากคุณมีคำถามใด ๆ และความต้องการของทังสเตนใด ๆ โปรดติดต่อเราโดยไม่ลังเลใด ๆ เราสัญญาว่าคุณจะไม่เสนอเพียงผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพของเรา แต่ยังออกแบบ, การส่งมอบให้ราคาแข่งขันมากที่สุดและการแก้ไขปัญหาทั้งหมด.

บทเรียนที่ 10 การควบคุมมอเตอร์

การควบคุมมอเตอร์เบื้องต้น

การพิจารณาการติดตั้งวงจรควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้าเบื้องต้น

ในการติดตั้งวงจรควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้านั้นมีหลักเกณฑ์หรือสิ่งอำนวนความสะดวกต่างๆ ที่จะต้องพิจารณาก่อนการติดตั้ง เพื่อที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากมอเตอร์ได้อย่างเต็มที่ และเกิดความปลอดภัยแก่ผู้ที่ใช้งานอย่างสูงสุด โดยมีสิ่งที่จะต้องพิจารณาก่อนการติดตั้งวงจรควบคุมไฟฟ้าดังนี้

1.การบริการทางไฟฟ้า คือ ข้อจำกัดหรือคุณลักษณะของการบริการทางไฟฟ้า เช่น เป็นไฟฟ้ากระแสตรง หรือไฟฟ้ากระแสสลับ จำนวนความถี่ เป็นต้น

2.มอเตอร์ คือ พิจารณาว่ามอเตอร์นั้นมีความเหมาะสมกับการบริการทางไฟฟ้าอยู่หรือไม่ เช่นขนาดของมอเตอร์มีขนาดเหมาะสมพอดีกับการบริการทางไฟฟ้าที่มีอยู่

3.วิธีการควบคุมมอเตอร์ คือ วิธีการควบคุมมอเตอร์ขั้นพื้นฐานนั้นก็คือ วงจรการควบคุมการปิดเปิดมอเตอร์ และวงจรป้องกันมอเตอร์จากความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากอุบัติเหตุ ซึ่งทั้งสองวงจรจะมีการติดตังอยู่เสมอภายในวงจรควบคุมมอเตอร์ แต่บางครั้งการใช้งานยังมีวิธีการที่จะต้องพิจารณาเพิ่มขึ้นอีก เช่น การควบคุมมอเตอร์ให้สามารถหมุนกลับทิศทางไปมาได้ หรือการควบคุมมอเตอร์ให้สามารถทำงานได้ความเร็วรอบในระดับต่างๆกัน

4. สิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันนี้การพิจารณาเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก ดังที่จะเห็นได้จากมีการตั้งกฎและข้อบังคับต่างๆ ขึ้นมา เพื่อเป็นข้อบังคับหรือข้อปฏิบัติสำหระบผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ดังนั้น ในการติดตั้งมอเตอร์จะต้องมีการพิจารณาเรื่องของสิ่งแวดล้อมด้วย เช่น เรื่องของเสียงหรือสภาพแวดล้อมภายในโรงงาน

5. สัญลักษณ์และมาตรฐานทางไฟฟ้า การใช้อุปกรณ์ต่างๆในการติดตั้ง หรือการใช้สัญลักษณ์นั้นก็เพื่อเป็นการบอกขั้นตอนในการควบคุมมอเตอร์ ซึ่งอุปกรณ์และสัญลักษณ์ที่ใช้จะต้องเป็นมาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับของหน่วยงานที่ควบคุมภายในท้องถิ่นนั้นด้วย 
จุดมุ่งหมายในการควบคุมมอเตอร์
1. การเริ่มเดินและหยุดเดินมอเตอร์ เป็นจุดมุ่งหมายเบื้องต้นในการควบคุมมอเตอร์ การเริ่มเดินและการหยุดเดินมอเตอร์นั้นอาจจะดูเป็นเรื่องง่าย แต่ที่แท้จริงแล้วมีความยุ่งยากกอยู่ไม่น้อย เนื่องจากลักษณะของงานที่มีความแตกต่างกันออกไป ดังนั้น การเริ่มเดินและการหยุดเดินมอเตอร์จึงมีหลายลักษณะเพื่อตอบสนองให้ตรงกับงานที่ทำ เช่น การเริ่มเดินแบบเร็วหรือแบบแบบช้า การเริ่มเดินแบบโหลดน้อยหรือเริ่มเดินแบบโหลดมาก การหยุดเดินแบบทันทีหรือหยุดเดินแบบช้าๆ 

2. การหมุนกลับทิศทาง การควบคุมมอเตอร์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การทำให้มอเตอร์หมุนกลับทิศทางได้อาจจะโดยอัตโนมัติ หรือใช้ผู้ควบคุมได้

3. การหมุนของมอเตอร์ การควบคุมให้มอเตอร์หมุนให้ปกติตลอดเวลาการทำงานมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่มอเตอร์ เครื่องจักรกล โรงงาน และที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ใช้งาน

4. การควบคุมความเร็วรอบ การควบคุมความเร็วรอบเป็นอีกเหตุผลหนึ่งในการควบคุมมอเตอร์ โดยการควบคุมความเร็วรอบของมอเตอร์นั้นสามารถทำได้หลายแบบด้วยกัน เช่น การควบคุมความเร็วรอบให้คงที่ การควบคุมความเร็วรอบที่ต่างกัน หรือการควบคุมความเร็วรอบที่สามารถปรับได้ตามต้องการ

5. การป้องกันอันตรายที่จะเกิดแก่ผู้ใช้งาน ในการติดตั้งวงจรความคุมมอเตอร์นั้นก็จะต้องมีการวางแผนป้องกันอันตรายที่จะเกิดแก่ผู้ใช้งาน หรือผู้ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงด้วย โดยการป้องกันอันตรายที่ดีที่สุดก็คือการอบรมแก่พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรกในการทำงานอยู่เสมอ
6. การป้องกันความเสียหายจากอุบัติเหตุ การออกแบบวงจรการควบคุมมอเตอร์ที่ดีควรจะมีการป้องกนความเสียหายให้กับมอเตอร์ เครื่องจักรที่มอเตอร์ติดตั้งอยู่ในโรงงาน หรือความเสียหายต่อชิ้นส่วนที่กำลังอยู่ในสายการผลิตในขณะนั้นไว้ด้วย การป้องกันมอเตอร์จากความเสียหายนั้นมีด้วยกันหลายลีกษณะด้วยกัน เช่น การป้องกันโหลดเกินขนาด การป้องกันการกลับเฟส หรือการป้องกันความเร็วมอเตอร์เกินขีดจำกัด

อุปกรณ์สำหรับใช้ในการควบคุมมอเตอร์เบื้องต้น

สวิตซ์ที่ใช้ในการควบคุม

เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดแต่มักจะถูกมองข้ามไปในวงจรควบคุม ซึ่งสวิตซ์จะมีอยู่หลายลักษณะในการควบคุมแบบต่างๆด้วยกันคือ

1. สวิตซ์ปิดเปิดแบบขึ้นลง เป็นสวิตซ์ที่ใช้ในการควบคุมมอเตอร์เบื้องต้นที่ง่ายที่สุด สวิตซ์ที่ปิดเปิดแบบขึ้นลงใช้ควบคุมการปิดเปิดมอเตอร์ โดยจะใช้ในมอเตอร์ขนาดเล็กที่มีกำลังแรงม้าต่ำ เช่นมอเตอร์ที่หมุนด้วยใบพัดของพัดลม และมอเตอร์ที่ใช้หมุนเป่าลมขนาดเล็ก ซึ่งการปิดเปิดของมอเตอร์ก็สามารถทำได้โดยตรงจากสวิตซ์ปิดเปิดแบบขึ้นลงนี้ โดยไม่จำเป็นต้องมีสวิตซ์แม่เหล็ก หรืออุปกรณ์ช่วยอย่างอื่น ดังนั้น มอเตอร์อาจจะถูกป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดเกิดจากฟิวส์ หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์ ในวงจรย่อยเท่านั้น ดังนั้น ควรที่จะต้องทำความเข้าใจ รู้จักสัญลักษณ์และการทำงานของสวิตซ์แบบนี้

2. สวิตซ์แบบกด เป็นสวิตซ์อีกแบบหนึ่งที่นิยมนำมาใช้ในวงจรการควบคุมมอเตอร์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมให้มอเตอร์เริ่มเดิน หยุดเดิน หรือเพื่อกลับทางการหมุนของมอเตอร์ สวิตซ์แบบกดจะใช้ในวงจรควบคุมมอเตอร์แบบใช้มือ
3. สวิตซ์แบบหมุน เป็นสวิตซ์แบบหมุนที่มีแกนสำหรับหมุนเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งของหน้าสัมผัส ภายในสวิตซ์ให้เปลี่ยนไป โดยใช้การหมุนด้วยมือในลักษณะตามเข็มหรือทวนเข็มนาฬิกา เพื่อทำการควบคุมหน้าสัมผัสของสวิตซ์
4. ลิมิตสวิตซ์ เป็นสวิตซ์ขนาดเล็กทีทำงานโดยการปิดเปิดวงจรควบคุม โดยการเปลี่ยนแปลงในทางกล มาทำให้สวิตซ์ทำงานเพื่อเปลี่ยนสัญญาณไฟฟ้าที่เข้ามาควบคุมมอเตอร์
5. สวิตซ์อุณหภูมิ สวิตซ์อุณหภูมิถูกนำมาใช้ในวงจรควบคุมมอเตอร์ต่างๆมากมาย โดยมีหลักการทำงาน คือ ให้ของเหลวที่บรรจุในกระเปาะควบคุมอุณหภูมิเกิดการขยายตัวเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นแล้วทำให้เกิดการเปลี่ยนตำแหน่งของหน้าสัมผัสของสวิตซ์ สวิตซ์อุณหภูมิสามารถปรับตั้งอุณหภูมิตามที่เราต้องการได้
6. สวิตซ์ลูกลอย เป็นสวิตซ์ที่ใช้ในการวัดการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของเหลวต่างๆ โดยจะใช้ในวงจรการควบคุมมอเตอร์แบบอัตโนมัติเพื่อทำการเปิดปิดวงจรควบคุม เมื่อของเหลวอยู่ในระดับที่ต้องการ การทำงานของสวิตซ์จะใช้ลูกลอยเป็นตัวควบคุมการปิดเปิดของสวิตซ์
7. สวิตซ์แรงดัน เป็นสวิตซ์ที่ใช้เพื่อการควบคุมความดันของเหลวหรือก๊าซให้อยู่ในระดับที่ต้องการ โดยในการควบคุมต้องใช้ความดันที่วัดได้ไปควบคุมการเปิดปิดหน้าสัมผัสของสวิตซ์ เช่น ในการให้มอเตอร์ทำงานต้องเพิ่มแรงดันเข้าไปในถังลม เมื่อความดันภายในถังลดลงและจะเปิดวงจรให้มอเตอร์หยุดทำงานเมื่อความดันภายในถังได้ตามที่กำหนดไว้
8. สวิตซ์ที่ใช้เท้าเหยียบ ในการควบคุมมอเตอร์อีกแบบหนึ่ง คือ การใช้สวิตซ์ที่ใช้เท้าเหยียบ โดยจะมีกระเดื่องสำหรับเหยียบเพื่อใช้ในการควบคุม โดยในสวิตซ์แบบนี้จะใช้ในกรณีที่ผู้ควบคุมทำงานทั้งมือและเท้าในเวลาเดียวกัน
9. Drum - Controller Switcher เป็นสวิตซ์ควบคุมที่จะใช้ในจุดประสงค์ที่พิเศษ โดยปกติจะนิยมใช้ในมอเตอร์ขนาดใหญ่ทั้งในมอเตอร์เฟสเดียว และสามเฟส จะใช้ในการควบคุมการเริ่มเดินหรือการหยุดเดิน หรือควบคุมทิศทางการหมุนของมอเตอร์ การควบคุมจะทำได้โดยการเปลี่ยนตำแหน่งของแกนหมุนด้ายบนของมอเตอร์ด้านบนของสวิตซ์
รีเลย์ (Relay)

เป็นอุปกรณ์ควบคุมวงจรไฟฟ้าที่มีการทำงานในลักษณะเป็น เครื่องกลไฟฟ้า ที่นิยมใช้ในวงจรควบคุมแบบต่างๆ กันอย่างแพร่หลาย โดยโครงสร้างพื้นฐานและการทำงานของรีเลย์จะประกอบไปด้วยขดลวดตัวนำและแกนโลหะที่สามารถเคลื่อนที่ขึ้นลงได้ เรียกว่า อาร์มาเจอร์ โดยอาร์มาเจอร์จะมีหน้าที่เปิดปิดหน้าสัมผัสของรีเลย์ การทำงานของรีเลย์จะเริ่มทำงานได้เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านไปที่ขดลวดตัวนำ ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กไปดึงดูดแกนของอาร์มาเจอร์ ถ้าแรงดึงดูดที่เกิดจากสนามแม่เหล็กสามารถชนะแรงดึงของสปริงได้ ก็จะดึงแกนของอาร์มาเจอร์ให้หน้าสัมผัสของรีเลย์มาอยู่ในตำแหน่งอีกทางหนึ่ง แต่ถ้าแรงดึงดูดที่เกิดจากสนามแม่เหล็กไม่สามารถชนะแรงดึงของสปริงได้หน้าสัมผัสของรีเลย์ก็จะอยู่ในตำแหน่งเดิม
รีเลย์จะมีหน้าสัมผัสอยู่สองแบบ คือ แบบปกติเปิดและแบบปกติปิด รีเลย์แบบปกติเปิดหน้าสัมผัสของรีเลย์จะเปิดเมื่อไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านไปยังขดลวดของรีเลย์และหน้าสัมผัสจะปิดเมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านไปที่ขดลวดของรีเลย์ ซึ่งการทำงานก็จะตรงกันข้ามกันในรีเลย์แบบปกติปิด รีเลย์มีหลายชนิดด้วยกัน โดยมากรีเลย์จะถูกนำมาใช้ในวงจรการควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้าในลักษณะของการหน่วงเวลาเพื่อทำให้เกิดการทำงานของวงจรควบคุมเป็นไปตามลำดับหรือใช้เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นภายในวงจรควบคุม
แมกเนติกคอนแทคเตอร์ (Magnetic Contactors)
เป็นสวิตซ์ที่ใช้สำหรับการควบคุมการเริ่มและหยุดเดินของมอเตอร์ โดยจะทำหน้าที่เปิดปิดแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้าสำหรับมอเตอร์ โดยเฉพาะมอเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีขนาดเกิน 10 แรงม้าขึ้นไป แมกเนติกคอนแทคเตอร์จะทำหน้าที่ควบคุมการเริ่มและหยุดเดินของมอเตอร์แทนการใช้คนควบคุมโดยตรง ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายแก่ผู้ควบคุม เพราะกระแสไฟฟ้าที่ไหลในวงจรจะมีปริมาณสูง เนื่องจากมอเตอร์มีขนาดใหญ่ และยังมีจุดประสงค์อีกอย่างหนึ่ง คือ เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่นได้อีกในวงจรควบคุมทำให้เกิดความสะดวกและความปลอดภัยมากขึ้น การทำงานจะอาศัยอำนาจแม่เหล็กดึงดูดหน้าสัมผัสให้เชื่อมติดกันทำให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านไปสู่มอเตอร์ได้ และในแมกเนติกคอนแทคเตอร์ทั่วไปจะมีการติดตั้งรีเลย์ป้องกันกระแสไฟฟ้าเกินไว้ด้วยเสมอ
รีเลย์ช่วย
 
ฟิวส์
โอเวอร์โหลดรีเลย์
 
วิธีการควบคุมมอเตอร์ ซึ่งจะมีวิธีการควบคุมอยู่ 2 แบบ ได้แก่
1. การควบคุมด้วยมือ (Manual Control) เป็นการควบคุมมอเตอร์ด้วยมือจะเป็นการควบคุมโดยตรงจากผู้ใช้งาน โดยมากจะใช้ในวงจรควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก การควบคุมแบบนี้จะอาศัยคนทำการควบคุมการเริ่มเดิน และการหยุดเดินมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กเฟสเดียวที่ใช้การควบคุมด้วยมือ โดยจะให้คนควบคุมการปิดเปิดหน้าสัมผัสเพื่อควบคุมกระแสไฟฟ้าที่ไหลไปสู่มอเตอร์

2. การควบคุมด้วยเครื่องควบคุมจากระยะไกลและแบบอัตโนมัติ (Remote and Automatic Control) 
การควบคุมด้วยเครื่องควบคุมจากระยะไกล หรืออาจจะเรียกเป็นการควบคุมแบบกึ่งอัตโนมัติ จะเป็นการควบคุมโดยการใช้การควบคุมปุ่มสวิตซ์เปิดปิดที่แผงควบคุมที่อยู่ภายในห้องควบคุมหรือตู้ควบคุม เพื่อที่จะควบคุมการเริ่มเดินและหยุดเดินของมอเตอร์โดยจะต้องมีอุปกรณ์พิเศษที่จะต้องทำงานร่วมกับสวิตซ์หลัก เช่น ใช้สวิตซ์แม่เหล็กไฟฟ้าทำงานร่วมกับในวงจรเพื่อที่จะให้สวิตซ์แม่เหล็กเป็นตัวควบคุมการจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าแทนการใช้มือ
การสตาร์ทโดยตรง
วงจรกำลัง

การควบคุมมอเตอร์แบบอัตโนมัติ
จะมีวงจรควบคุมการทำงานคล้ายกับแบบใช้เครื่องควบคุมจากระยะไกลแต่จะมีวงจรควบคุมที่สามารถให้มอเตอร์ทำการเริ่มเดินและหยุดเดินได้อัตโนมัติ สามารถที่จะควบคุมด้วยมือหรือเป็นแบบอัตโนมัติโดยการใช้สวตซ์ลูกลอยควบคุมการเริ่มเดินและหยุดเดินของมอเตอร์

กลับหน้าหลัก

Comments


Deprecated: Function mysql_db_query() is deprecated in /home/mwahldmm/domains/bangkoksolar.com/public_html/th/products/detail.php on line 17

Deprecated: mysql_db_query() [function.mysql-db-query]: This function is deprecated; use mysql_query() instead in /home/mwahldmm/domains/bangkoksolar.com/public_html/th/products/detail.php on line 17
 
ค้นหา :      
ThEnglish VersionEn
 
 

ประวัติความเป็นมาของเซลล์แสงอาทิตย์

ประวัติความเป็นมาของเซลล์แสงอาทิตย์
 
 
ประวัติความเป็นมา และเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์

       
เซลล์แสงอาทิตย์มีกำเนิดในช่วงปีค.ศ.1950 ที่ bell Telephone Laboratory ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยมีวัตถุประสงค์เบื้องต้นเพื่อผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์สำหรับใช้ในโครงการอวกาศ ต่อจากนั้นจึงได้เริ่มมีการนำมาใช้อย่างกว้างขวาง และขยายผลสู่ระดับอุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ของโลก เมื่อประมาณปลายทศวรรษที่ 50 เป็นต้นมา โดยในระยะแรกเซลล์แสงอาทิตย์จะมีราคาแพงมากจึงจำกัดการใช้งานอยู่เฉพาะในงานวิทยุสื่อสารและไฟฟ้าแสงสว่าง ขนาดเล็กในพื้นที่ห่างไกลเท่านั้น
       เซลล์แสงอาทิตย์คือสิ่งประดิษฐ์ที่ทำจากสารกึ่งตัวนำ เช่น ซิลิคอน (Silicon) แกลเลี่ยม อาร์เซไนต์(Gallium Arsenide)อินเดียมฟอสไฟต์ (Indium Telliuide) แคดเมียมเทลเลอไรด์ (Cadium Telluride) และคอปเปอร์ อินเดียม ไดเซเลไนต์ (Copper Indium
Diselenide) เป็นต้น ซึ่งเมื่อได้รับแสงอาทิตย์โดยตรงก็จะเปลี่ยนเป็นพาหะนำไฟฟ้า และจะถูกแยกเป็นประจุไฟฟ้าบวกและลบเพื่อให้เกิด แรงดันไฟฟ้าที่ขั้วทั้งสองของเซลล์แสงอาทิตย์เมื่อนำขั้วไฟฟ้าของเซลล์ แสงอาทิตย์ต่อเข้ากับอุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสตรง กระแสไฟฟ้าจะไหลเข้าสู่อุปกรณ์เหล่านั้น ทำให้สามารถทำงานได้
  
ประเภทของเซลล์แสงอาทิตย์ 

       เซลล์แสงอาทิตย์ที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบันจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ 
        1. กลุ่มเซลล์แสงอาทิตย์ที่ทำจากสารกึ่งตัวนำประเภทซิลิคอน จะแบ่งตามลักษณะของผลึกที่เกิดขึ้น คือ แบบที่เป็นรูปผลึก (Crystal) และแบบที่ไม่เป็นรูปผลึก (Amorphous)แบบที่เป็นรูปผลึกจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือชนิดผลึกเดี่ยวซิลิคอน (Single Crystalline Silicon Solar Cell) และชนิดผลึกรวมซิลิคอน (Poly Crystalline Silicon Solar Cell)แบบที่ไม่เป็นรูปผลึกคือ ชนิดฟิล์มบางอะมอร์ฟัสซิลิคอน   ( Amorphous Silicon Solar Cell ) กลุ่มเซลล์แสงอาทิตย์ประเภทนี้ ปัจจุบันมีประสิทธิภาพ  8-12% 
        2. กลุ่มเซลล์แสงอาทิตย์ที่ทำจากสารประกอบที่ไม่ใช่ซิลิคอน ซึ่งประเภทนี้จะเป็นเซลล์แสงอาทิตย์ที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 25% ขึ้นไป แต่มีราคาสูงมาก ไม่นิยมนำมาใช้บนพื้นโลกจึงใช้งานสำหรับดาวเทียม และระบบ รวมแสงเป็นส่วนใหญ่ แต่การพัฒนาขบวนการผลิตสมัยใหม่จะทำให้มีราคาถูกลง และนำมาใช้มากขึ้นในอนาคต ซึ่งปัจจุบันมีการนำเซลล์แสงอาทิตย์ประเภทนี้มาใช้เพียง 7% ของปริมาณเซลล์แสงทิตย์ที่มีใช้งานทั้งหมด
สามารถแสดงแผนภาพการแบ่งประเภทของเซลล์แสงอาทิตย์ได้ดังรูปที่ 1
  
ส่วนประกอบของเซลล์แสงอาทิตย์ 

        แรงเคลื่อนไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นจากเซลล์แสงอาทิตย์เพียงเซลล์เดียว จะมีค่าต่ำมาก การนำมาใช้งานจะต้องนำเซลล์หลาย ๆเซลล์ มาต่อกันแบบอนุกรมเพื่อเพิ่มค่าแรงเคลื่อนไฟฟ้าให้สูงขึ้น  เซลล์ที่นำมาต่อกันในจำนวนและขนาดที่เหมาะสมเรียก
ว่า แผงเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Module หรือ Solar Pane)
       การทำเซลล์และแสงอาทิตย์ให้เป็นแผงก็เพื่อความสะดวก ในการนำไปใช้งาน ด้านหน้าของแผงเซลล์ ประกอบด้วยแผ่นกระจกที่มีส่วนผสมของเหล็กต่ำ ซึ่งมีคุณสมบัติในการยอมให้แสงผ่านได้ดี และยังเป็นเกราะป้องกันแผ่นเซลล์อีกด้วย แผงเซลล์จะต้องมีการป้องกันความชื้นที่ดีมาก เพราะจะต้องอยู่กลางแสงแดดกลางฝนเป็นเวลายาวนาน ในการประกอบจะต้องใช้วัสดุที่มีความคงทนและป้องกันความชื้น ที่ดี เช่น ซิลิโคนและอีวีเอ (Ethylene Vinyl Acetate) เป็นต้น เพื่อเป็นการป้องกันแผ่นกระจกด้านบนของแผงเซลล์  จึงต้องมีการทำกรอบด้วยวัสดุที่มีความแข็งแรง แต่บางครั้งก็ไม่มีความจำเป็น ถ้ามีการเสริมความแข็งแรงของแผ่นกระจกให้เพียงพอ ซึ่งก็สามารถทดแทนการทำกรอบได้เช่นกัน ดังนั้นแผงเซลล์จึงมีลักษณะเป็นแผ่นเรียบ (Iaminate) ซึ่งสะดวกในการติดตั้ง อีกทั้งปัจจุบันมีการประยุกต์ใช้แผงเซลล์อาทิตย์ชนิดฟิล์ม บางอะมอร์ฟัสซิลิคอนซึ่งสามารถตัดโค้งงอติดตั้งบนพื้นผิวที่ไม่เป็นระนาบ ได้อีกด้วย โดยส่วนประกอบของเซลล์แสงอาทิตย์สามารถแสดงได้ ดังรูปที่ 5
หลักการทำงานของเซลล์แสงอาทิตย์

       
การทำงานของเซลล์แสงอาทิตย์ เป็นขบวนการเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นกระแสไฟฟ้าได้โดยตรง โดยเมื่อแสงซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและมีพลังงานกระทบ กับสารกึ่งตัวนำ จะเกิดการถ่ายทอดพลังงานระหว่างกัน พลังงานจากแสงจะทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของกระแสไฟฟ้า (อิเล็กตรอน)ขึ้นในสารกึ่งตัวนำ จึงสามารถต่อกระแสไฟฟ้าดังกล่าวไปใช้งานได้โดยเมื่อมีแสงอาทิตย์ตกกระทบ
เซลล์แสงอาทิตย์จะเกิดการสร้างพาหะ นำไฟฟ้าประจุลบและบวกขึ้น ได้แก่ อิเล็กตรอน และโฮล โครงสร้างรอยต่อพีเอ็นจะทำหน้าที่สร้างสนามไฟฟ้าภายในเซลล ์เพื่อแยกพาหะนำไฟฟ้าชนิดอิเล็กตรอนไปที่ขั้วลบและพาหะ นำไฟฟ้าชนิดโฮลไปที่ขั้วบวก (ปกติที่ฐานจะใช้สารกึ่งตัวนำชนิดพี ขั้วไฟฟ้าด้านหลังจึงเป็นขั้วบวก ส่วนด้านรับแสงใช้สารกึ่งตัวนำชนิดเอ็น ขั้วไฟฟ้าจึงเป็นขั้วลบ)ทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าแบบกระแสตรงที่ขั้วไฟฟ้าทั้งสอง เมื่อต่อให้ครบวงจรไฟฟ้าจะเกิดกระแสไฟฟ้าไหลขึ้น ซึ่งสามารถแสดงรูปหลักการทำงานได้ดังรูปที่ 6
  

ข้อดีในการนำเซลล์แสงอาทิตย์มาใช้ผลิตไฟฟ้า 

       1. ใช้พลังงานจากธรรมชาติ คือ แสงอาทิตย์ ซึ่งสะอาดและบริสุทธิ์ ไม่ก่อปฏิกิริยาที่จะทำให้สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ 
       2. เป็นการนำพลังงานจากแหล่งธรรมชาติมาใช้ อย่างคุ้มค่าและไม่มีวันหมดไปจากโลกนี้ 
 
       3. สามารถนำไปใช้เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ทุกพื้นที่บนโลก และได้พลังงานไฟฟ้าใช้โดยตรง
       4. ไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงอื่นใดนอกจากแสงอาทิตย์ รวมถึงไม่มีการเผาไหม้ จึงไม่ก่อให้เกิดมลภาวะด้านอากาศและน้ำ
       5. ไม่เกิดของเสียขณะใช้งาน จึงไม่มีการปล่อยมลพิษทำลายสิ่งแวดล้อม
       6. ไม่เกิดเสียงและไม่มีการเคลื่อนไหวขณะใช้งาน จึงไม่เกิดมลภาวะด้านเสียง
       7. เป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่กับที่ และไม่มีชิ้นส่วนใดทีมีการเคลื่อนไหวขณะทำงาน จึงไม่เกิดการสึกหรอ
       8. ต้องการบำรุงรักษาน้อยมาก อายุการใช้งานยืนยาวและประสิทธิภาพคงที่
       9. มีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย เคลื่อนย้ายสะดวกและรวดเร็ว และเนื่องจากมีลักษณะเป็นโมดูล จึงสามารถประกอบได้ตามขนาดที่ต้องการ
       10. ช่วยลดปัญหาการสะสมของก๊าซต่าง ๆ ในบรรยากาศ เช่น คาร์บอนมอนนอกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ไฮโดรคาร์บอน และก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ ฯลฯ ซึ่งเป็นผลจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงจำพวกน้ำมัน ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจก ทำให้โลกร้อนขึ้น เกิดฝนกรด และอากาศเป็นพิษ ฯลฯ

ที่มา : สายใจไฟฟ้า
กองประชาสัมพันธ์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 
ฉบับประจำเดือน กุมภาพันธ์ 2550

http://peane2.pea.co.th/ne/BERM/Feb2_50.html
 
  
<< ย้อนกลับ
วันที่ประกาศ :  30 มีนาคม 2554 |จำนวนคนอ่าน : 6100คน 
  
  
 
   
   
   
 
 บริษัท บางกอกโซลาร์ จำกัด
 ที่อยู่บริษัท 39/1 หมู่ 1 ถนนบางปะกง-ฉะเชิงเทรา ตำบลแสนภูดาษ อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา 24140
โรงงาน  โทร : +66 (0) 3857 7253, +66 (0) 3857 7353 ต่อ 120,121,122  แฟกซ์ : +66 (0) 3857-7370 :: ฝ่ายขาย  โทร : +66 (0) 3857 7266-9 ต่อ 512, 515, 504   แฟกซ์ : +66 (0) 3857-7400